การศึกษาการตรวจวัด และการติดตามการแลกเปลี่ยนพลังงาน (heat flux) ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 flux) และไอน้ำ (H2O vapor flux) ระหว่างบรรยากาศ (atmosphere) กับระบบนิเวศภาคพื้นดิน (terrestrial ecosystem) แบบระยะยาว ทั้งในประเทศไทยรวมถึงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีน้อยและไม่ครอบคลุมทุกระบบนิเวศ โดยเฉพาะการติดตามผลการตรวจวัดระบบนิเวศภาคพื้นดินในระดับจุลภาค (micro scale) เพื่อเชื่อมต่อกับระดับมหภาค (global scale)

     สำหรับทวีปเอเชียได้เริ่มมีการศึกษาการ การแลกเปลี่ยนก๊าซและพลังงานในระบบนิเวศทุ่งหญ้าตั้งแต่ปี 2503 และในระบบนิเวศป่าไม้ตั้งแต่ปี 2513 (Mizoguchi et al., 2009) ซึ่งช่วงแรกการแลกเปลี่ยนพลังงานในพื้นที่ที่มีสิ่งปกคลุมที่แตกต่างกันที่มีผลต่อระบบอุตุ-อุทกวิทยา (hydro-meteorological) ในเขตมรสุมได้รับความสนใจผ่านโครงการ GAME project ในปี 2537 ภายใต้โครงการหลักชื่อ Global Energy and Water Cycle Experiment (GEWEX) ซึ่งเป็นการใช้วิธีทางอากาศพลศาสตร์ (aerodynamic method) และวิธีอัตราส่วนโบเวน (Bowen ratio method) (Yasunari et al., 2003) ในขณะที่วิธีความแปรปรวนร่วมแบบหมุนวน (eddy covariance method) เพิ่งเริ่มประยุกต์ใช้ในปี 2543 (Mizoguchi et al., 2009) ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีความแม่นยำและให้ผลการตรวจวัดที่น่าเชื่อถือ (Burba, 2010) ต่อมาการขยายความร่วมมือการใช้เทคนิคดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีการทำงานภายใต้เครือข่าย AsiaFlux Network

     สำหรับประเทศไทย การจัดตั้งกลุ่มวิจัยทางด้านฟลัซ (Flux) ได้เกิดขึ้นภายหลังการประชุมครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2549 โดยกลุ่มนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการประสานการทำงานวิจัยโดยผ่านเครือข่าย ThaiFlux มาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามพบว่าหลายหน่วยงานมีความต้องการประยุกต์ใช้เทคนิคความแปรปรวนร่วมแบบหมุนวน (eddy covariance technique) ซึ่งจำเป็นต้องมีพัฒนาบุคคลากรให้มีความรู้พื้นฐานและความรู้เฉพาะทางเกี่ยวกับการวิเคราะห์และใช้ข้อมูล ซึ่งจำเป็นต้องมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเลือกใช้กระบวนการวิเคราะห์ที่ถูกต้องเหมาะสมและแม่นยำ ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการจัดทำฐานข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบเที่สามารถนำไปต่อยอดงานวิจัยและสนับสนุนข้อมูลแก่หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศต่อไป

     ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินงานดังกล่าวมีความต่อเนื่อง จึงได้มีการจัดตั้งกลุ่มวิจัยจุลอุตุนิยมวิทยาขึ้น โดยอยู่ภายใต้การดูแลของวิทยาลัยพลังงานและสิ่งแวดล้อม (ในขณะนั้น) มหาวิทยาลัยพะเยา เพื่อวิจัยและสร้างกำลังคนในการวิเคราะห์การแลกเปลี่ยนพลังงาน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และไอน้ำในระบบนิเวศต่างๆ รวมไปถึงสร้างความเข้าใจเชิงปฏิบัติการทางด้านการตรวจวัด และการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับนักวิจัยรุ่นใหม่ให้สามารถต่อยอดและรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยกระดับการทำงานให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศและประชาคมโลกภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสังคมยุคดิจิตอลต่อไป